ดร.สุเมธ
ตันติเวชกุล และคณะเข้าสำรวจพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา
จ.ลพบุรี |
การดำเนินงานเริ่มขึ้นโดยเมื่อวันที่
๒ มีนาคม ๒๕๔๗ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล (ประธานมูลนิธิฯ) คุณศิวะพร
ทรรทรานนท์ (กรรมการรักษาการแทนเลขาธิการมูลนิธิฯ) พร้อมคณะเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ
และเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกาได้เดินทางเข้าสำรวจพื้นที่
ณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา เพื่อหาข้อสรุปในการดำเนินการขั้นต่อไป
ซึ่งผลจากการสำรวจสรุปขั้นตอนการดำเนินงานดังนี้ |
|
คุณศิวะพร
ทรรทรานนท์ สำรวจพื้นที่เพื่อจัดตั้ง สำนักงานมูลนิธิฯ |
๑ การจัดตั้งสำนักงานมูลนิธิฯ ณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา
การจัดสร้างระเบียงหน้าสำนักงาน |
มูลนิธิคืนช้างสู่ธรรมชาติได้จัดตั้งสำนักงานมูลนิธิฯ เพิ่มอีก ๑ แห่ง
เมื่อวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๔๗ ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา
จ.ลพบุรี ทั้งนี้เพื่อความคล่องตัวในการดำเนินงานโครงการคืนช้างสู่ธรรมชาติ
ณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา
๒ การจัดตั้งคณะอนุกรรมการโครงการคืนช้างสู่ธรรมชาติภาคสนาม
เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการดำเนินงานโครงการคืนช้างสู่ธรรมชาติ ณ เขตรักษา
พันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา จ.ลพบุรี จึงได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการโครงการคืนช้างสู่ธรรมชาติภาคสนาม
ตามรายนามดังนี้
- นายพิชัย ฉันทวีระชาติ ประธาน
- นายบัณฑิต เสาวรรณ รองประธาน
- พล.ต.ต ชูเกียรติ ประทีปเสน กรรมการ
- น.สพ.สมชาย ศิริเทพทรงกลด เลขานุการ
- นางสาวศุทธินี พินิจ ผู้ช่วยเลขานุการ
๓ การจัดเตรียมช้าง
มูลนิธิฯ ได้ทำการจัดหาช้างเข้าสู่โครงการฯ จำนวน ๙ เชือก โดยบางเชือกได้มาด้วยการซื้อ
บางเชือกผู้มีจิตศรัทธาบริจาคให้มูลนิธิฯ ซึ่งบัดนี้มูลนิธิฯ ได้ทำการเคลื่อนย้ายช้างดังกล่าวจากพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติแม่ยาว
มายังพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา เพื่อเข้าสู่กระบวนการปรับพฤติกรรมช้างก่อนนำคืนสู่ธรรมชาติ
โดยจะทำการปรับพฤติกรรมช้างประมาณ ๓ -๔ เดือน หลังจากนั้นนายสัตวแพทย์พร้อมผู้เชี่ยวชาญจะทำการคัดเลือกช้างจำนวน
๖ เชือก ที่ผ่านกระบวนการปรับพฤติกรรม สำหรับนำถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ
พระบรมราชินีนาถเพื่อทรงปล่อย ณ พื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา
การขนย้ายช้างจาก
จ.ลำปาง มายังพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา จ.ลพบุรี เมื่อวันที่
๑๒ สค. ๔๗ |
๔ การจัดสร้างแหล่งน้ำ
เนื่องด้วยในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกาไม่มีแหล่งกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่จะให้ช้างใช้ได้ตลอดทั้งปีดังนั้นมูลนิธิฯ
จึงจัดทำแหล่งน้ำขนาดใหญ่ ( ๘๐ x ๘๐ x ๒ เมตร ) จำนวน ๒ แห่ง เพื่อเก็บน้ำที่มีมากในช่วงฤดูฝนไว้สำหรับใช้ในหน้าแล้ง
และมูลนิธิฯ ยังได้รับความร่วมมือจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
โดยส่งเรื่องให้กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช ดำเนินการจัดทำฝายต้นน้ำแบบผสมผสาน
จำนวน ๒๐ แห่ง
แหล่งน้ำขนาดใหญ่แหล่งที่
1 |
แหล่งน้ำขนาดใหญ่แหล่งที่
2 |
๕ การจัดสร้างแหล่งอาหาร
มูลนิธิฯ ได้มีการปลูกพืชเพิ่มเติม เพื่อรองรับจำนวนช้างที่จะนำมาปล่อยเพิ่มหลังจากที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ
พระบรมราชินีนาถได้ทรงปล่อยช้างจำนวน ๖ เชือกไปแล้ว โดยขณะนี้มูลนิธิฯ
ได้ทำการปลูกต้นกล้วย และหญ้าบาน่า รวมทั้งได้จัดทำโป่งเทียมสำหรับช้างได้มากินเพื่อเป็นอาหารเสริม
ปลูกแหล่งอาหารเพิ่มเติมสำหรับช้าง
มีต้นกล้วย และหญ้าบาน่า |
การจัดทำโป่งเทียมสำหรับช้าง |
การจัดเตรียมเพาะชำอ้อยป่าเพื่อปลูกในฤดูฝน |
๖ การปรับปรุงถนน
มูลนิธิฯ ได้ทำการปรับปรุงถนนทั้งในและนอกพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับ
ลังกา ดังนี้
-เส้นทางเดินรถ ตั้งแต่ที่ทำการอุทยานจนถึงหน่วยพิทักษ์ป่าต้นน้ำ
รวม ระยะทาง ๒๐ ก.ม. ไม่สามารถใช้งานได้ในฤดูฝน มูลนิธิฯ จึงทำการปรับปรุงถนน
โดยการปรับเป็นถนนลูกรังอัดแน่นขนาดกว้าง ๔ เมตร เพื่อให้สามารถใช้เป็นเส้นทางสำหรับตรวจการณ์ได้ตลอดทั้งปี
ทั้งนี้เพื่อประสิทธิภาพในการปฎิบัติงานการดูแลช้าง
-มูลนิธิฯ ได้รับความร่วมมือจากกรมทางหลวง ในการซ่อมแซมปรับปรุงพื้นผิวถนนหลวงหมายเลข
๒๒๖๐ ซึ่งมีลักษณะพื้นผิวขรุขระ ให้ใช้การได้ดีขึ้น เนื่องจากถนนนี้เป็นเส้นทางเดินรถเข้าสู่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา
๗ การจัดสร้างพลับพลาที่ประทับ
มูลนิธิฯ ได้ดำเนินการจัดสร้างพลับพลาที่ประทับสำหรับพระราชพิธีปล่อยช้างคืนสู่ธรรมชาติ
โดยจุดหลักในการออกแบบครั้งนี้คือ พลับพลาสามารถถอดออกและเก็บรักษาสำหรับใช้งานในครั้งต่อไปได้
๘ การจัดสร้างที่พักสำหรับเจ้าหน้าที่
มูลนิธิฯ ได้จัดสร้างบ้านพักจำนวน ๑ หลังสำหรับสัตวแพทย์ และบ้านพักจำนวน
๒ หลัง สำหรับผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ภาคสนาม (ควาญช้าง)
บ้านพักสัตวแพทย์ |
บ้านพักผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ภาคสนาม
(ควาญช้าง) |
๙ การจัดทำโมเดล
มูลนิธิฯ ได้จัดจ้างการทำโมเดลสำหรับโครงการคืนช้างสู่ธรรมชาติ ณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา
สำหรับถวายการรายงานในพระราชพิธีปล่อยช้างคืนสู่ธรรมชาติ และเพื่อใช้สำหรับลงตำแหน่งช้างหลังปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ
๑๐ การจัดสร้างลานจอดเฮลิคอปเตอร์
๑๑ การจัดทำแนวรั้วกั้นป้องกันช้าง
จากลักษณะภูมิประเทศที่ประกอบไปด้วยเทือกเขาพังเหย ขนานกับเทือกเขาลวก
จึงเป็นแนวรั้วกั้นช้างโดยธรรมชาติ ด้านซ้ายและขวาได้เป็นอย่างดี แต่จากการสำรวจพบว่ามีช่องว่างระหว่างภูเขาทั้งสองเป็นระยะทางห่างกันประมาณ
๑๐ กม.ทางด้านทิศเหนือและ ๗ กม.ทางด้านใต้ มูลนิธิฯ จึงเห็นควรให้จัดทำแนวรั้วไฟฟ้าตรงบริเวณช่องว่างระหว่างภูเขาทั้งด้านเหนือและใต้เพื่อป้องกันช้างออกนอกพื้นที่
๑๒ การจัดทำระบบการติดตามช้าง
โครงการคืนช้างสู่ธรรมชาติ ณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เป็นโครงการฯ ที่ได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน
อาทิเช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยและ................เป็นต้น
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนองพระราชปณิธานของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
ในการอนุรักษ์ช้างไทย |